สอนทำเว็บไซต์

การสร้างเว็บไซต์ด้วย HTML และ CSS เป็นขั้นตอนแรกในการเรียนรู้การพัฒนาเว็บ ซึ่ง HTML (Hypertext Markup Language) ใช้ในการสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์ ส่วน CSS (Cascading Style Sheets) ใช้ในการจัดรูปแบบ (styling) ให้เว็บไซต์ดูสวยงามและเป็นระเบียบ บทความนี้จะแนะนำวิธีการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับที่สูงขึ้น โดยครอบคลุมหลักการและเทคนิคสำคัญในการใช้ HTML และ CSS

บทที่ 1: การเริ่มต้นด้วย HTML

HTML เป็นภาษาหลักในการสร้างโครงสร้างของเว็บไซต์ โดยใช้แท็ก (tag) เพื่อกำหนดและจัดการเนื้อหาบนหน้าเว็บ ซึ่งมีหลักการและคำสั่งพื้นฐานที่ควรรู้ เช่น

1.1 โครงสร้างพื้นฐานของ HTML

เริ่มต้นไฟล์ HTML ด้วยการประกาศโครงสร้างพื้นฐาน

html
<!DOCTYPE html>
<html lang="en">
<head>
<meta charset="UTF-8">
<meta name="viewport" content="width=device-width, initial-scale=1.0">
<title>My Website</title>
</head>
<body>
<h1>Welcome to My Website</h1>
<p>This is a paragraph in my first website.</p>
</body>
</html>
  • <html>: เป็นแท็กหลักสำหรับหน้าเว็บทั้งหมด
  • <head>: ส่วนนี้ใช้สำหรับใส่ข้อมูลเกี่ยวกับหน้าเว็บ เช่น <title> (ชื่อหน้า), <meta> (ข้อมูลเพิ่มเติม)
  • <body>: ส่วนนี้จะมีเนื้อหาที่จะปรากฏบนหน้าเว็บจริง ๆ เช่นข้อความ รูปภาพ และลิงก์

1.2 แท็กพื้นฐานใน HTML

  • <h1> ถึง <h6>: ใช้กำหนดหัวเรื่อง ตั้งแต่ขนาดใหญ่สุด <h1> จนถึงเล็กสุด <h6>
  • <p>: ใช้สำหรับพารากราฟ
  • <a href="url">: ใช้สร้างลิงก์ที่สามารถคลิกเพื่อไปหน้าอื่น
  • <img src="image.jpg" alt="description">: ใช้แสดงรูปภาพในหน้าเว็บ

บทที่ 2: การใช้ CSS ในการจัดรูปแบบ

CSS เป็นภาษาที่ใช้จัดการสไตล์ ทำให้เว็บไซต์ดูสวยงามและเป็นระเบียบยิ่งขึ้น โดยการใช้ CSS เราสามารถกำหนดสี ขนาด ฟอนต์ ตำแหน่งขององค์ประกอบต่าง ๆ บนหน้าเว็บได้

2.1 การเขียน CSS แบบ Inline, Internal และ External

  • Inline CSS: เขียน CSS ในแท็ก HTML โดยตรง ใช้สำหรับการจัดรูปแบบเฉพาะแท็กนั้น เช่น <p style="color: blue;">Hello</p>

  • Internal CSS: เขียน CSS ภายในไฟล์ HTML ภายใน <style> ใน <head>

    html
    <style>
    p { color: blue; font-size: 20px; }
    </style>
  • External CSS: แยกไฟล์ CSS ออกมาต่างหาก (เช่น style.css) แล้วลิงก์เข้ากับไฟล์ HTML โดยใช้ <link>

    html
    <link rel="stylesheet" href="style.css">

2.2 คำสั่งพื้นฐานใน CSS

  • เลือกสี: ใช้ color สำหรับตัวอักษรและ background-color สำหรับพื้นหลัง
  • ขนาดฟอนต์: กำหนดขนาดโดยใช้ font-size
  • จัดการระยะห่าง: ใช้ margin (ระยะห่างด้านนอก) และ padding (ระยะห่างด้านใน)
  • จัดเรียงรูปแบบ: ใช้ text-align เพื่อจัดตำแหน่งตัวอักษร เช่น text-align: center;

ตัวอย่าง:

css
body {
background-color: #f0f0f0;
}

h1 {
color: #333;
text-align: center;
}

p {
color: #666;
font-size: 18px;
padding: 10px;
}

บทที่ 3: การจัดรูปแบบเว็บไซต์ด้วย CSS ขั้นสูง

3.1 การใช้ Flexbox สำหรับจัดวางเลย์เอาต์

Flexbox เป็นเทคนิคใน CSS ที่ใช้สำหรับจัดวางองค์ประกอบในหน้าเว็บให้ยืดหยุ่นและจัดเรียงได้ง่าย เช่น จัดเรียงให้ชิดซ้ายหรือขวา

css
.container {
display: flex;
justify-content: space-around;
}

.box {
width: 100px;
height: 100px;
background-color: #3498db;
}

3.2 การใช้ Grid Layout

Grid เป็นอีกหนึ่งเทคนิคในการจัดวางเลย์เอาต์ที่ทรงพลังสำหรับการสร้างโครงสร้างที่ซับซ้อน เช่น ตารางที่มีหลายแถวและคอลัมน์

css
.container {
display: grid;
grid-template-columns: 1fr 2fr 1fr;
gap: 10px;
}

.box {
background-color: #2ecc71;
padding: 20px;
}

3.3 การจัดการโครงสร้างแบบ Responsive ด้วย Media Queries

การทำให้เว็บไซต์สามารถแสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์ เช่น มือถือ แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์ โดยใช้ Media Queries ใน CSS

css
@media (max-width: 768px) {
body {
font-size: 14px;
}

.container {
flex-direction: column;
}
}

บทที่ 4: การใช้ฟอนต์และสีเพื่อเพิ่มสไตล์

4.1 เลือกใช้ฟอนต์จาก Google Fonts

Google Fonts ให้ฟอนต์ฟรีที่สามารถใช้งานได้ง่าย เพียงแค่เพิ่มลิงก์ฟอนต์ใน <head> ของไฟล์ HTML

html
<link href="https://fonts.googleapis.com/css2?family=Roboto&display=swap" rel="stylesheet">
<style>
body {
font-family: 'Roboto', sans-serif;
}
</style>

4.2 การใช้สีแบบ Gradient

สี Gradient เป็นเทคนิคที่ทำให้สีเปลี่ยนจากสีหนึ่งไปสู่อีกสีหนึ่งอย่างเนียน โดยใช้ CSS background

css
body {
background: linear-gradient(to right, #ff7e5f, #feb47b);
}

บทที่ 5: เคล็ดลับการสร้างเว็บไซต์ขั้นสูง

  1. ใช้ไอคอนจาก Font Awesome: เพื่อเพิ่มไอคอนที่สวยงามในเว็บไซต์ โดยลิงก์ Font Awesome เข้ามาใน <head> และใช้ไอคอนโดยการเพิ่ม <i> เช่น <i class="fa fa-home"></i>
  2. สร้างปุ่มด้วย CSS: การสร้างปุ่มที่ตอบสนองเมื่อถูกคลิกหรือโฮเวอร์ได้ง่ายโดย CSS
css
.button {
padding: 10px 20px;
background-color: #3498db;
color: white;
border-radius: 5px;
transition: background-color 0.3s ease;
}

.button:hover {
background-color: #2980b9;
}

  1. เพิ่ม Animation ด้วย CSS: Animation ช่วยให้เว็บไซต์ดูน่าสนใจ โดยเพิ่มการเคลื่อนไหวให้องค์ประกอบบางส่วน เช่น การสั่นหรือเลื่อน
css
@keyframes fadeIn {
from { opacity: 0; }
to { opacity: 1; }
}

.fade-in {
animation: fadeIn 2s;
}

สรุป

การเรียนรู้ HTML และ CSS ตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับสูงจะช่วยให้คุณสามารถสร้างเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างดีและดูน่าสนใจ การจัดการเลย์เอาต์ด้วย Flexbox หรือ Grid รวมถึงการทำเว็บไซต์ให้รองรับหลายอุปกรณ์จะช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้งาน คุณสามารถฝึกฝนและลองประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อให้ได้เว็บไซต์ที่ตอบโจทย์มากที่สุด

Leave A Comment