
การเลือกสีและฟอนต์ที่เหมาะสมเป็นส่วนสำคัญในการทำให้เว็บไซต์ดูทันสมัยและมืออาชีพ เรามาดูวิธีเลือกกันค่ะ
1. เลือกสีที่เรียบง่ายและมีความเป็นเอกลักษณ์
- โทนสีที่ดูทันสมัย: โทนสีกลุ่มฟ้าเข้ม เทา ขาว และสีพาสเทลกำลังได้รับความนิยม เพราะช่วยให้สอนทำเว็บไซต์ดูสะอาดตาและไม่ดูล้าสมัย
- คอนทราสต์สี: เลือกสีที่มีความต่างกันเพื่อดึงดูดความสนใจ เช่น สีพื้นหลังเรียบๆ กับสีเน้นสดใส (accent color) สำหรับปุ่มหรือลิงก์ต่างๆ
- การจับคู่สี: ใช้เครื่องมืออย่าง Adobe Color หรือ Canva ในการเลือกและทดสอบการจับคู่สี เพื่อให้แน่ใจว่าค่าสีต่างๆ ดูเข้ากันและไม่รบกวนสายตา
2. เลือกฟอนต์ที่อ่านง่ายและมีความเป็นมืออาชีพ
- Sans-serif กับ Serif: ฟอนต์ Sans-serif เช่น Roboto, Helvetica หรือ Open Sans มีความทันสมัยและอ่านง่าย เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความสะอาดและเรียบง่าย ส่วนฟอนต์ Serif เช่น Times New Roman หรือ Georgia เหมาะกับเว็บไซต์ที่ต้องการความคลาสสิกและเป็นทางการ
- ใช้ฟอนต์ไม่เกิน 2-3 แบบ: การใช้ฟอนต์หลายแบบอาจทำให้เว็บไซต์ดูรก ไม่เป็นมืออาชีพ ควรจำกัดการใช้ฟอนต์และควรเลือกใช้ฟอนต์เดียวกันในส่วนที่ต้องการเน้น
- ขนาดและระยะห่าง: ขนาดฟอนต์และระยะห่างระหว่างบรรทัดควรปรับให้พอเหมาะ โดยเฉพาะบนมือถือ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถอ่านได้ง่ายขึ้น
3. การเน้นด้วยสีและฟอนต์
- ใช้สีเน้นสำหรับองค์ประกอบสำคัญ เช่น ปุ่ม ‘ติดต่อเรา’ หรือ ‘สมัครสมาชิก’ ให้ใช้สีที่ดึงดูดแต่ไม่ขัดแย้งกับสีหลักของเว็บไซต์
- การเน้นฟอนต์: ใช้การเปลี่ยนขนาดหรือความหนาของฟอนต์แทนการใช้ฟอนต์หลายแบบ เพื่อให้ส่วนสำคัญดูโดดเด่นและมีความชัดเจน
4. ปรับสีและฟอนต์ตามกลุ่มเป้าหมาย
การเลือกสีและฟอนต์ยังควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น ถ้าเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับแฟชั่น อาจเลือกสีสันสดใสและฟอนต์ที่มีสไตล์ แต่หากเป็นเว็บไซต์เกี่ยวกับการเงิน ควรเลือกสีเรียบๆ และฟอนต์ที่ดูเป็นทางการมากขึ้น
การเลือกสีและฟอนต์ที่เหมาะสมในการสอนทำเว็บไซต์ให้ดูทันสมัยและมืออาชีพ ช่วยให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีและช่วยดึงดูดความสนใจ