Sale Page คือ หน้าเว็บหน้าหนึ่งของเว็บไซต์โดยจะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ บอกถึงลักษณะจุดเด่นของผลิตภัณฑ์สินค้าที่ต้องการนำเสนอขายให้ลูกค้า ซึ่ง Sale Page อีกหนึ่งช่องทาง ในการช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ให้สามารถปิดการขายในหน้าเดียว ดังนั้น การทำ Sale Page ควรมีข้อมูลรายละเอียดที่จำเป็นของสินค้าให้อยู่ในหน้าเดียว เช่น รายละเอียดเกี่ยวกับสินค้า รูปภาพ คลิปวิดีโอ ราคาสินค้า ส่วนลดโปรโมชันต่าง ๆ รีวิวจากลูกค้า แหล่งที่มา และที่ขาดไม่ได้เลยคือจะต้องมีปุ่ม ที่ช่วยกระตุ้นสร้างยอดขายก็คือ “ปุ่มสั่งซื้อ” และช่องทางการติดต่อ อาจเป็นปุ่มที่สามารถลิงค์ไปยัง LINE แอดหรือ Facebook เพื่อเป็นช่องทางให้ลูกค้าสอบถามเพิ่มเติมได้
การเว็บไซต์ หรือ หน้า Sale Page สวย ๆ เหมาะสำหรับธุรกิจออนไลน์ทุกประเภท เพราะในหนึ่งหน้า Sale Page นั้น สามารถบอกรายละเอียดที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการได้ครบถ้วน แต่ถ้าจะให้แนะนำว่าควรทำ Sale Page ช่วงไหนก็จะบอกว่า ควรทำตอนที่ร้านคุณต้องการจัดโปรโมชัน หรือต้องการจะโปรโมทสินค้าหรือบริการไหนเป็นพิเศษ หรือช่วงที่สินค้ามีเพียงไม่เท่าไหร่ ต้องการปิดยอดขายก็สามารถทำ Sale Page ได้เช่นกัน เอาเป็นว่า!! ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจออนไลน์ หรือธุรกิจออฟไลน์ ก็สามารถทำ Sale Page ได้ทั้งนั้น
Sale Page นั้นมีประโยชน์ และเป็นที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงธุรกิจออนไลน์ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะต้องมี Sale Page สวย ๆ กันทั้งนั้น เพื่อเป็นตัวช่วยปิดยอดขายให้กับสินค้าหรือบริการ และยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือในสายตาของลูกค้าอีกด้วย งั้นลองมาดูประโยชน์ที่ธุรกิจออนไลน์ควรทำ Sale Page
1. โปรโมทสินค้าและบริการ
การที่ร้านค้ามี Sale Page สวย ๆ เป็นหนึ่งอีกหนึ่งช่องทางของการโปรโมทสินค้าและบริการ เนื่องจากลูกค้าจะได้อ่านรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ได้ครบจบในหน้าเดียว
2. เพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจออนไลน์
อย่างที่เราได้บอกว่า Sales Page นั้น สามารถบอกรายละเอียดสินค้าและบริการได้ครบถ้วนในหน้าเดียว แถมไม่มีความซับซ้อน อ่านครั้งเดียวเข้าใจได้ง่าย ซึ่งข้อดีตรงนี้จึงสามารถกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญ Sales Page ยังรองรับการทำงานบนอุปกรณ์ ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น
3. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย
การทำ Sale Page นั้น มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างต่ำ แถมยังมีเว็บไซต์ Sale Page สําเร็จรูปฟรี เลือกมาใช้ให้เหมาะกับธุรกิจออนไลน์ของตัวเอง หรือถ้าจะต้องเสียเงินในการทำ Sale Page ยังเสียเงินน้อยกว่า ที่จะต้องมีหน้าร้านแบบออฟไลน์ เพราะจะต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่และค่าจ้างพนักงานมาอยู่หน้าร้าน แต่ถ้ามีหน้าร้านแบบออนไลน์แบบนี้ก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไปได้มากทีเดียว
1. รู้จักกลุ่มเป้าหมายและเข้าใจอย่างถ่องแท้
แน่นอนก่อนจะทำประชาสัมพันธ์ไม่ว่าจะผ่านสื่ออะไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงมากที่สุดคือเจ้าของธุรกิจต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด ใครคือกลุ่มเป้าหมาย มีความต้องการชื่นชอบและไม่ชอบอะไร ยิ่งถ้าหากรู้จักกับลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายมากเท่าไหร่ คุณก็สามารถทำ Sale Page ได้ง่ายขึ้น ช่วยดึงดูดลูกค้าให้ซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น
2. รายละเอียดข้อมูลสินค้าและบริการครบถ้วนสมบูรณ์
สิ่งสำคัญที่ต้องมีบน Sale Page คือ รายละเอียดข้อมูลที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ จำเป็นต้องใส่ข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อให้ลูกค้าอ่านหน้าเดียวแล้วสามารถเข้าในสินค้าหรือบริการได้เลย
3. สร้างโปรโมชันให้โดดเด่น
แน่นอนการมีโปรโมชันโดดเด่น จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น นอกจากมีโปรโมชันที่โดดเด่นแล้ว การเขียนบนหน้า Sale Page ก็ต้องใส่รายละเอียดโปรโมชันให้ชัดเจน อ่านปุ๊บเข้าใจได้ทันที ไม่ต้องคิดเยอะ ตัดสินใจซื้อได้เลย
4. สร้าง Sale Page สวย ๆ
ควรออกแบบ Sale Page ให้มีลูกเล่น สีสันสดใส ช่วยสร้างดึงดูด ทำให้น่าอ่านมากยิ่งขึ้น การออกแบบกราฟิกเป็นอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญ เพราะถ้ามีหน้า Sale Page สวย ๆ ช่วยทำให้ลูกค้าสะดุดตา
5. ใช้ภาษาที่อ่านง่าย ๆ
การเขียนบทความ คำโฆษณา ข้อความประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ทางสื่อออนไลน์ สิ่งสำคัญคือการเขียนภาษาที่อ่านได้ง่าย จะช่วยทำให้คนอ่านเข้าใจง่ายขึ้น และทริคการเขียน Sale Page ให้ปัง ดูน่าสนใจ แนะนำให้เขียน ดังนี้
ควรประโยชน์หลักที่ทำให้คนอ่านสนใจ ประมาณว่าอ่านประโยคแล้วต้องปัง เห็นข้อความแล้วต้องโดน
มีหัวข้อย่อยต่าง ๆ
ให้เขียนทั้งรูปแบบประโยคสั้นและประโยคยาวผสมกันไป
มีย่อหน้า หากข้อความช่วงไหนที่ยาวเกินไป ให้ขึ้นย่อหน้าใหม่ เพื่อจะได้อ่านง่ายขึ้น
เพิ่มประโยคเด็ด ๆ คำคม ช่วยทำให้คนอ่านแล้วเกิดจดจำสินค้านั้นได้
แนะนำให้เลือกใช้ฟ้อนท์ที่อ่านง่าย แนะนำให้เลือกขนาด 16 ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐาน แต่ถ้าข้อความอยากเน้นเป็นพิเศษ อาจจะเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้น
6. ควรมีรูปภาพสวย ๆ หรือคลิปวิดีโอบน Sale Page
Sale Page ไม่ควรจะมีเพียงแค่ข้อความที่เป็นตัวอักษรเพียงอย่างเดียว เพราะทำให้ดูจืดชืดและไม่น่าสนใจ แนะนำให้รูปภาพสวย ๆ หรือคลิปวิดีโอ ที่เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการเข้าไปด้วย ช่วยทำให้ Sale Page ดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
7. ควรมีจุด Call to Action ไว้ในหลายตำแหน่ง
หน้าเพจ Sale Page ควรต้องมีปุ่ม Call to Action (CTA) ซึ่งเป็นปุ่มที่ให้ลูกค้าสามารถคลิกเข้าไปอ่านบนเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ หรืออาจจะเป็นปุ่มที่เข้าสู่หน้าเว็บไซต์หลักของร้านค้า ซึ่งการจะใส่ Call to Action ควรจะเขียนให้คนที่อ่านแล้วรู้สึกอยากจะคลิกปุ่มนั้น